บทที่2

 ตำนานเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วมโลกของชนชาติต่าง ๆ

    ตำนานของอียิปต์ว่าครั้งหนึ่งพวกเทพเจ้าชำระโลกโดยให้มีน้ำท่วมใหญ่  มีพวกเลี้ยงแกะสองสามคนที่หนีรอดจากอุทกภัยครั้งใหญ่นี้ไปได้ โดยหนีขึ้นไปบนภูเขา
    ตำนานของกรีกว่า เดยูเคเลียนทราบมาว่าพวกเทพเจ้ากำลังจะให้น้ำท่วมแผ่นดินโลกเพราะเหตุความชั่วใหญ่บนแผ่นดินจึงได้สร้างนาวาขึ้น  ซึ่งไปค้างอยู่บนเขา  พาราบาสสุสได้ส่งนกเขาออกไปสองครั้ง
    ตำนานจีนว่า ฟาเฮผู้สถาปนาอารยธรรมจีนขึ้นกล่าวว่า ท่านผู้นี้ได้หนีพ้นจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น เพราะเหตุมนุษย์กบฏขัดขืนต่อสวรรค์  ท่านฟาเฮและภรรยา บุตรชายสามคน บุตรหญิงสามคน รอดตาย
    เรื่องน้ำท่วมโลกตามตำนานต่าง ๆ เหล่านี้  ถึงแม้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าก็ตาม  แต่ทุกเรื่องก็ได้แสดงให้เห็นว่า เรื่องน้ำท่วมใหญ่เป็นความจริงที่ฝังแน่นในจิตสำนึกของคนที่อยู่ในบริเวณส่วนต่าง ๆ ของโลก
    ภายหลังสมัยของโนฮา  การชำระล้างคนชั่วผ่านพ้นไปแล้ว  มารซึ่งเป็นอำนาจใฝ่ต่ำยังไม่ลดละแผนการทำลายของมัน  พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้เปิดเผยให้เราเข้าใจว่าลูกชายของโนฮาทั้งสาม คือ เซม, ฮาม และยาเฟ็ธ  ได้เกิดบุตรกับภรรยาของเขาหลังจากรอดตายจากน้ำท่วม  ในหนังสือเยเนซิศบทที่ 10  ชี้แจงลำดับวงศ์วานของบุตรทั้งหลายของโนฮา  เรื่องลำดับวงศ์นี้เชื่อถือได้และแม่นยำ  แต่จะไม่นำมาชี้แจงเพราะมีเนื้อที่จำกัด
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

     ลำดับวงศ์นับตั้งแต่อาดามและฮาวาผู้เป็นบิดามารดาของชาวโลก  อาดามได้ให้กำเนิดบุตร 2 คน คือ คายินและเฮเบ็ล  ต่อมาอาดามมีบุตรชายอีกชื่อ เซ็ธ  และมีบุตรหญิงอีกหลายคน (เยเนซิศ 5.10)   ต่อจากเซ็ธก็มาถึงลาเมค  ลาเมคมีบุตรชื่อโนฮาซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์ของมนุษย์โลกในคราวเมื่อพระเจ้าทรงทำลายล้างโลกด้วยน้ำ (เยเนซิศบทที่ 6)  โนฮามีบุตรสามคน ชื่อ เซม, ฮาม และยาเฟ็ธ   จากสามคนนี้มนุษย์ได้เกิดทวีมากขึ้น   นับว่าเซมเป็นต้นตระกูลของชาวเอเซีย   ฮามเป็นต้นตระกูลของพวกผิวคล้ำ  และยาเฟ็ธเป็นต้นตระกูลของชนผิวขาว  ต่อมาเซมเป็นผู้ให้กำเนิดเธรา  มีบุตรชายสามคนเกิดจากเธรา คือ นาโฮร, ฮาราน และอับราฮาม  ซึ่งเป็นต้นตระกูลของชนชาติยิศราเอล  ต่อมาอับราฮามมีบุตรสองคนคือ ยิศราเอลและยิศฮาค  ยิศฮาคมีบุตรฝาแฝดสองคนคือ เอซาวและยาโคบ  ยาโคบได้ให้กำเนิดบุตรชาย 12 คน  ซึ่งลูก 12 คนของยาโคบได้ถูกตั้งให้เป็น 12 ตระกูลของชนชาติยิศราเอล  พระเยซูคริสต์ได้บังเกิดมาจากตระกูลยูดา ตามคำทำนายนั้น
    ในเยเนซิศบทที่ 11  ได้บันทึกหัวเลี้ยวหัวต่ออันสำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เกี่ยวกับเรื่องภาษา  ต่อจากสมัยโนฮาไม่นานมนุษย์ได้ไปตั้งถิ่นฐานบริเวณทางทิศตะวันออกเรียกว่าเมืองซีนาร  ชนเหล่านั้นเรียนรู้จักการทำอิฐและใช้ยางโซมารต่างปูน  จึงได้ร่วมใจกันสร้างหอสูงเทียมฟ้าขึ้น  มีจุดประสงค์เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับพวกเขาทั้งหลาย  เพราะเหตุนี้เองพระเจ้าได้ทำให้ภาษาของเขาทั้งหลายวุ่นวายไปขณะที่เขาทั้งหลายกำลังทำการก่อสร้าง  พระเจ้าได้บันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง  และทำให้ชนเหล่านี้นกระจัดกระจายไปอยู่ทั่วทุกแห่งในโลก  บางพวกที่พูดกันเข้าใจก็ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ร่วมกัน  และในเวลาต่อมาก็ได้รวบรวมเข้าเป็นประเทศต่าง ๆ
    เราจะไม่ศึกษาอย่างละเอียดเรื่องประวัติศาสตร์การกระจัดกระจายไปของมนุษย์โลกหลังจากภาษาของเขาวุ่นวายไปแล้ว  แต่จะสรุปรวบยอดให้นักศึกษาเข้าใจว่า  บรรดามนุษย์ทั้งหลายได้มีจุดกำเนิดอยู่ที่เดียวกัน  คือลุ่มแม่น้ำยูเฟรติสกับลุ่มแม่น้ำไทกริศ  และเวลาต่อมามนุษย์ได้อพยพไปอาศัยอยู่ตามแหล่งต่าง ๆ ในโลก

อารยธรรมสี่แหล่งสมัยโบราณ
    ประวัติศาสตร์สากลได้บันทึกไว้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่า อารยธรรมของมนุษย์โลกในสมัยโบราณมีรกรากอยู่ 4 แห่งด้วยกันคือ
    1. ลุ่มแม่น้ำยูเฟรติศ กับไทกริศ  3100 ปี ก.ค.ศ.  ประกอบด้วยพวกซุมเมอร์เรียน, อากาเดียน, อัมโมไรท์, อะซีเรีย และคาลเดียน
    2. ลุ่มแม่น้ำไนล์ในประเทศอียิปต์  3100 ปี ก.ค.ศ.  ประกอบด้วยพวกแนปทูฮิม, พัททรูซิม, คัลลูฮิม, แคพทูลิมพุค
    3. ลุ่มแม่น้ำอินดัส  ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศปากีสถาน  2500 ปี ก.ค.ศ.  ประกอบด้วยพวกอารยันหรืออินโดยูโรเปียน  มีเชื้อสายมาจากยาเฟ็ธ  ยาเฟ็ธมีลูกชื่อ โคเม็ร, มาโฆม, มาดาย, ยาวาน, ธูบัล และธีราศ (เยเนซิศ 10.2-4)
    4. ลุ่มแม่น้ำฮวงโหในประเทศจีน 1500 ปี ก.ค.ศ. สันนิษฐานว่าประวัติศาสตร์คงจะเริ่มก่อนหน้านี้
    จาก 4 แหล่งนี้มนุษย์ได้ขยายไปตามส่วนต่าง ๆ ของโลก  บางแห่งก็มีการติดต่อกันที่อยู่ไกลหรือภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงก็เลยขาดการติดต่อกัน  สมัยกลาง 500-1500 ก.ค.ศ.  มนุษย์ก็เริ่มวางรากฐานเป็นประเทศชาติอันเป็นปึกแผ่น  แต่พอมาถึงสมัยใหม่  เริ่มมีการล่าเมืองขึ้นหรืออาณานิคม  เรื่องราวของบรรดาประเทศต่าง ๆ จึงได้เริ่มเผยขึ้นมาให้โลกเห็น  หลังจากที่ทุกประเทศต่างเงียบหายไปในประวัติศาสตร์
    ตั้งแต่ปี 1500 ก.ค.ศ. ถึง ค.ศ. 1  ประวัติศาสตร์ของพระคริสตธรรมคัมภีร์เดิม  ได้กล่าวแต่เพียงประเทศยิศราเอลประเทศเดียวเท่านั้น  ทั้งนี้มิได้หมายความว่าชนชาติยิศราเอลเป็นชนชาติที่โปรดประทานประเทศเดียว  แต่เพราะพระเจ้าได้สัญญากับอับราฮามว่าจะอวยพรลูกหลานของท่านคือพวกยิศราเอลนี้  เพราะชนชาติยิศราเอลเป็นประเทศเดียวที่เคารพและนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ไม่ใช่นมัสการเทพเจ้าหรือรูปปั้น  อย่างไรก็ตามพระเจ้ายอมรับประเทศอื่น ๆ ด้วย ถ้าเขาหันกลับมาหาพระองค์จริง ๆ
    ความรู้เรื่องพระเจ้าผู้ทรงสร้างจักรวาลยังคงดำรงความบริสุทธิ์   หนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์เดิมตั้งแต่เยเนซิศจนถึงมาลาคี  เผยให้เห็นโครงการของพระเจ้า  เพื่อจะให้พระคริสต์หรือพระมาซีฮามาบังเกิดจากชนชาติยิศราเอลซึ่งเป็นเชื้อสายของอับราฮามมาช่วยให้มนุษย์ทุกชาติที่ได้กระจัดกระจายไปหันกลับมาหาพระเจ้า  แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าก่อนที่จะถึงเวลาครบกำหนดที่พระผู้ช่วยจะมา  มนุษย์ได้กระจายไปอยู่ตามแหล่งต่าง ๆ ในโลกได้เหินห่างจากพระเจ้าไกลมากขึ้น  จนได้ปล่อยตัวไปตามใจปรารถนาของตนเอง  มนุษย์เหล่านี้ได้คิดประดิษฐ์ลัทธิคำสอน  และศาสนาขึ้นเองศาสนาที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่มนุษย์เป็นผู้ตั้งขึ้นทั้งสิ้น  เป็นเพราะมนุษย์ได้ทอดทิ้งพระเจ้าไปปฏิบัติตามอำเภอใจของตนเอง  "โอ้พระยะโฮวา ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าทางที่มนุษย์จะไปนั้นไม่ได้อยู่ในตัวของตัว ไม่ใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้" (ยิระมะยา 10.23)  "เหตุว่าการที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็มีแจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย ด้วยว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงความนั้นแก่เขาแล้ว  ด้วยว่าอาการของพระเจ้าซึ่งเห็นไม่ได้นั้น คือฤทธานุภาพอันถาวรและสัมภวะของพระองค์ ก็ทรงปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างนั้นตั้งแต่แรกสร้างโลก เขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อที่จะแก้ตัวได้" (โรม 1.19-20)

ตอบคำถาม คลิกที่นี่  https://docs.google.com/forms/d/17Yu1cMngXNdxp3HJG6P-SlHF-cSUJ7TRIhW_Us3MK98/viewform